เมนูของหวานไทยโบราณ คือ อาหารว่างหรือขนมที่คนไทยในอดีตรังสรรค์ขึ้นมาจากภูมิปัญญาโดยใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ผนวกรวมเข้ากับความสามารถด้านงานฝีมือจนเกิดเป็นขนมไทยหน้าตาสวยงามทรงคุณค่า
ซึ่งในปัจจุบันคนไทยทั่วไปก็จะรู้จักคำว่าขนมไทยหรือ ‘เมนูของหวานไทยโบราณ’ ในฐานะมรดกทางภูมิปัญญาของประเทศไทย แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะได้ลิ้มรสของความหอมหวานและความปราณีตที่ถูกซ่อนเอาไว้ในกระบวนการทำขนมแต่ละชิ้น
ซึ่งเมนูของหวานไทยโบราณหรือ ‘ขนมไทย’ มีมาตั้งแต่หลายร้อยปีผ่านมาแล้ว โดยขนมหวานในสมัยก่อนจะนิยมจัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสงานมงคลต่าง ๆ เพราะฉะนั้นรูปลักษณ์และวิธีการทำจึงจำเป็นต้องใช้ความปราณีตและมีความหมายที่ดี เช่น ขนมเม็ดขนุน สื่อความหมายถึงการเกื้อหนุนกัน เป็นต้น
โดยเมนูของหวานไทยโบราณก็จะมีอยู่มากมายและแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค ซึ่งขนมส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ เช่น กะทิ น้ำตาล แป้ง ไข่ เป็นต้น
แต่ต่อมาก็มีการพัฒนาเติมสีสันจากธรรมชาติ หรือใช้กลวิธีใหม่ ๆ เพื่อรังสรรค์บรรดาเมนูของหวานไทยโบราณที่เมื่อได้ลิ้มรสก็เพลินเพลิน ได้ยลโฉมก็เป็นต้องเคลิบเคลิ้ม หากใครยังคิดภาพไม่ออกเราจะขอนำภาพ 5 เมนูของหวานที่หาทานยากในปัจจุบันมาแบ่งปัน รับรองว่าเมื่ออ่านแล้วทุกคนจะหลงรักขนมไทยขึ้นอีกเป็นกอง
ขนมดาราทอง
ขนมรสชาติหอมมันทั้งยังเคี้ยวเพลินด้วยรสสัมผัสกรุบกรอบจากเมล็ดแตงโมทำให้ขนมดาราทองเป็นเมนูของหวานจากกะทิที่ครบรสทีเดียว
แต่ด้วยกรรมวิธีการทำที่ค่อนข้างซับซ้อน ทั้งยังต้องอาศัยความปราณีตและอดทนเป็นอย่างมากในการเคี่ยววัตถุดิบจึงทำให้ขนมไทยโบราณชนิดนี้หาทานไม่ได้ง่าย ๆ เนื่องจากขั้นตอนในการทำจะต้องเริ่มจากการเคลือบเมล็ดแตงโม ทำตัวฐาน และยังจะต้องทำตัวขนมอีกนั่นเอง
แต่ในปัจจุบันขนมดาราทองก็มีให้เห็นตามร้านขายเมนูของหวานไทยโบราณบ้างประปราย ดังนั้นหากใครที่สนใจอยากจะลิ้มรสของความนุ่มละมุนก็สามารถหาซื้อมาทานกันได้(แนะนำให้เลือกร้านที่ใช้วัตถุดิบมีคุณภาพเพื่ออรรถรสในการทานที่เหนือกว่า)
ขนมเสน่ห์จันทน์
ขนมชื่องามหยดย้อยที่แลดูจะหวานกว่าตัวขนมเสียด้วยซ้ำอย่างขนมเสน่ห์จันทน์ เป็นเมนูขนมหวานไทยโบราณที่มีรูปร่างกลมมลคล้ายลูกจันทน์ เป็นผลไม้ที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เป็นอีกหนึ่งขนมที่ทำจากกะทิและหาทานไม่ได้ง่าย ๆ ในปัจจุบัน
เนื่องจากกระบวนการหนึ่งซึ่งสำคัญมาก ๆ ในการรังสรรค์เจ้าขนมสูตรอาหารไทยโบราณชาววังชนิดนี้ก็คือการ ‘อบควันเทียน’ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะทำให้ตัวขนมหอมละมุนละไมสมชื่อเสน่ห์จันทน์นั่นเอง
ขนมหันตรา
ขนมหวานที่มีชื่อไม่คุ้นหูอย่าง ‘ขนมหันตรา’ คือขนมสูตรชาววังดั้งเดิมในสมัยรัชกาลที่ 2 รสชาติจะคล้ายคลึงกับลูกชุบ โดยตัวขนมจะใช้การกวนถั่วจนนวลเนียน จากนั้นนำไปเคลือบด้วยไข่แดงเพื่อให้มีสีสันสวยงาม แล้วจึงห่อด้วยถุงคล้ายตารางซึ่งเกิดจากการใช้ไข่และน้ำตาลรีดเป็นเส้น(คล้ายฝอยทอง)
ถึงแม้ขนมไทยโบราณชนิดนี้จะมีขนาดกระทัดรัดพอดีคำ แต่จากการะบวนการทำที่จะต้องพิถีพิถันในทุก ๆ ขั้นตอนและจะต้องค่อย ๆ ปั้นกันทีละชิ้น ทีละชิ้น แล้วจึงห่ออย่างสวยงามเป็นขั้นตอนสุดท้าย เรียกได้ว่ากว่าจะได้ลิ้มรสขนมหันตราสักชิ้นบรรดาแม่ครัวในวังสมัยก่อนคงจะมีเจ็บหลังกันบ้างแน่นอน
ขนมบุหลันดั้นเมฆ
เมนูของหวานไทยโบราณที่ทั้งอร่อยและเต็มไปด้วยเรื่องราวของความสุนทรีย์อันงดงามอย่าง ‘บุหลันดั้นเมฆ’ เป็นขนมไทยที่ถูกรังสรรค์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยใช้เรื่องราวจากเพลงพระราชนิพนธ์มาเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของขนมชิ้นนี้ก็คือคู่สีที่ตัดกันอย่างสิ้นเชิงของสีน้ำเงินและสีเหลืองโดยเป็นการเปรียบเปรยสีของดวงจันทร์และท้องนภายามค่ำคืนนั่นเอง
ดังนั้นขนมหวานจากกะทิชนิดนี้จึงเป็นความลงตัวของศิลปะและศาสตร์ในด้านการทำอาหารซึ่งเป็นที่กล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน
ขนมอินทนิล
ยอมรับตามตรงว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนเคยได้ยินชื่มขนมประเภทนี้ เนื่องจากในชีวิตนี้ก็ไม่เคยจะได้สัมผัสกับ ‘ขนมอินทนิล’ แม้แต่ภาพขนมไทยจากอินเทอร์เน็ตก็ไม่เคยเห็น เนื่องจากขนมอินทนิลไม่ได้เป็นของหวานที่มีหน้าตาสวยสดงดงามเฉกเช่นขนมชนิดอื่น ๆ จึงอาจจะไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก
แต่ทว่าความอร่อยและหอมหวานที่ติดลิ้นทุกครั้งเมื่อได้ลิ้มลองก็ไม่อาจจะห้ามใจ ทำให้คนที่เคยได้ทานต่างก็โหยหาเพราะแทบจะไม่สามารถหาทานได้แล้วในปัจจุบัน โดยขนมชนิดนี้จะใช้แป้งกวนกับน้ำใบเตยจนเหนียวข้นและจับตัวกันดี จากนั้นทานคู่กับน้ำกะทิที่อบควันเทียนจนหอมกรุ่นทำให้ทานง่ายนั่นเอง
เมนูของหวานไทยโบราณของไทยมีอยู่มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเป็นมาและถูกยกย่องให้เป็นของหวานที่รังสรรค์ขึ้นมาจากความใส่ใจ แต่เนื่องจากข้อจำกัดมากมายในปัจจุบันทำให้ขนมเหล่านั้นค่อย ๆ เลือนหายและกลายเป็นความทรงจำที่หาได้ตามอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
ดังนั้นเราจึงนำเอาภาพของ 5 ขนมหวานที่หาทานไม่ได้ง่าย ๆ แล้วในปัจจุบันมาแบ่งปันให้ทุกคนได้เห็นกัน เพื่อที่เราจะได้ตระหนักถึงความงดงามของสิ่งเหล่านี้ และไม่ลืมที่จะบอกต่อรวมทั้งอนุรักษ์ขนมเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไปอีกนานแสนนานด้วย
ที่มาของภาพ